สารบัญในบทความนี้
- 1 อาหารไม่ใช่แค่ข้าวเปลือก แต่คือ “พลังชีวิต”
- 2 โปรตีน อิฐก้อนหลักของกล้ามเนื้อไก่ชน
- 3 คาร์โบไฮเดรต – แหล่งพลังงานที่ไก่ไม่ควรขาด
- 4 ไขมัน – ไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นตัวช่วยดูดซึมพลัง
- 5 สัดส่วนทองคำ – ถอดสูตรสมดุลระหว่างโปรตีน-คาร์บ-ไขมัน
- 6 สมดุลศาสตร์ – เมื่อวิทยาศาสตร์ผสานภูมิปัญญาชาวบ้าน
- 7 บทสรุป – อาหารที่ดีไม่ใช่ของแพง แต่คือความเข้าใจ
- 8 คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ไขทุกข้อสงสัยเรื่องโภชนาการไก่ชน
📅 อัปเดตล่าสุดเมื่อ: 30 ตุลาคม 2025

ทำไมไก่สายเลือดดี ถึงแพ้ไก่ที่ดูธรรมดาในสนาม? ทำไมซ้อมมาอย่างดี แต่กลับหมดแรงก่อนจบยก? คำตอบอาจซ่อนอยู่ในสิ่งที่คุณมองข้ามทุกวัน… “อาหารที่ไก่กิน”
หลายคนทุ่มเทให้กับการฝึกและสายเลือด แต่ลืมไปว่า “อาวุธลับ” ที่แท้จริงในการสร้างนักสู้คือ โภชนาการที่ถูกต้อง บทความนี้จะพาคุณไปถอดรหัสศาสตร์แห่งพลังชีวิตของไก่ชน เจาะลึกถึงหน้าที่ของ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน อย่างหมดเปลือก
เราจะเปลี่ยนความเชื่อเก่าๆ ให้กลายเป็นความรู้ที่ใช้ได้จริง ผสมผสานภูมิปัญญาเซียนเข้ากับหลักวิทยาศาสตร์ เพื่อให้คุณสามารถปรุงสูตรอาหารที่ใช่ สร้างไก่ชนที่แข็งแกร่งตั้งแต่โครงสร้าง กล้ามเนื้อ ไปจนถึงหัวใจนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้
📦 สรุปประเด็นหลัก: ถอดรหัสโภชนาการไก่ชน
- 💪 โปรตีน (Protein): คืออิฐก้อนสำคัญสำหรับสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ไก่ชนต้องการโปรตีนในสัดส่วน 18-22% ขึ้นอยู่กับช่วงวัย ตั้งแต่ลูกไก่ไปจนถึงช่วงพักฟื้น แหล่งโปรตีนที่ดีมาจากธรรมชาติ เช่น ปลาป่น ไข่ต้ม และถั่วเหลือง
- ⚡ คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrates): เปรียบเสมือน “เชื้อเพลิง” หลักที่ให้พลังงานในการออกอาวุธและความอึด สัดส่วนที่เหมาะสมคือ 45-60% ของอาหารทั้งหมด โดยต้องปรับตามกิจกรรม เช่น เพิ่มคาร์บย่อยเร็ว (ข้าวโพด, ข้าวเหนียว) ในช่วงก่อนชน
- 🥑 ไขมัน (Fat): ไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นแหล่งพลังงานสำรองและตัวช่วยดูดซึมวิตามิน A, D, E, K ในช่วงเตรียมชนไม่ควรให้เกิน 5-6% เพื่อไม่ให้ไก่อ้วนหรือเฉื่อยชา แหล่งไขมันดี เช่น รำข้าวมันและงาดำ
- 📊 สัดส่วนทองคำ: หัวใจสำคัญคือ “ความสมดุล” ของสารอาหารทั้งสามชนิด ไก่แต่ละช่วงวัย (ไก่หนุ่ม, ไก่ทำเนื้อ, พ่อแม่พันธุ์) ต้องการสัดส่วนโปรตีน-คาร์บ-ไขมันที่แตกต่างกัน
- 🧬 ศาสตร์และภูมิปัญญา: บทความนี้ผสานความรู้สมัยใหม่เข้ากับภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยอธิบายว่าสมุนไพรอย่าง “ขมิ้น” (มีสารเคอร์คูมิน) และ “กระเทียม” (มีสารอัลลิซิน) มีประโยชน์อย่างไรในทางวิทยาศาสตร์
อาหารไม่ใช่แค่ข้าวเปลือก แต่คือ “พลังชีวิต”

ในสายตาคนทั่วไป…การให้อาหารไก่ชนอาจดูเป็นเรื่องง่าย ใส่ข้าวเปลือกในถาด ทิ้งไว้ให้ไก่กินก็จบ แต่ในสายตาของ “นักเลี้ยงไก่ชนตัวจริง” อาหารแต่ละเม็ดคือรากฐานของกล้ามเนื้อ หัวใจ และจิตวิญญาณนักสู้ที่ไก่จะพาไปสู่ชัยชนะในสนาม
เพราะ “ไก่ชนไม่ชนะด้วยแรงใจอย่างเดียว…แต่มันต้องมีแรงกายจากอาหารที่ถูกทาง”
โภชนาการจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการให้อิ่ม แต่คือศาสตร์ที่ต้องผสมผสานทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อส่งเสริมให้ไก่เติบโตอย่างสมบูรณ์ แข็งแรง ว่องไว และที่สำคัญ — ไม่หมดแรงก่อนเวลา
สารอาหารอย่าง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ต่างมีบทบาทเฉพาะที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ ไก่ที่กินอาหารผิดสัดส่วน อาจโตช้า กล้ามไม่แน่น หรือแม้แต่ใจฝ่อก่อนขึ้นสังเวียน
“ขุนไม่ถูกทาง ไก่เก่งก็กลายเป็นไก่ธรรมดา”
บทความนี้จะพาคุณไปถอดรหัสสูตรอาหารไก่ชนทีละขั้น เข้าใจให้ลึกในระดับที่ไม่เคยมีใครอธิบายมาก่อน ตั้งแต่ระดับโครงสร้างกล้ามเนื้อ ไปจนถึงพลังงานที่ใช้ในแต่ละช่วงของชีวิตไก่ชน
เพราะในโลกของไก่ชน…อาหารไม่ใช่ของกิน แต่มันคือ “อาวุธลับ” ที่สร้างนักสู้ได้
📌 สรุปสาระสำคัญ
- การให้อาหารไก่ชนคือการวางรากฐานของพละกำลัง ไม่ใช่แค่ให้อิ่มท้อง
- สารอาหารแต่ละอย่างล้วนส่งผลต่อกล้ามเนื้อ ความเร็ว และ “หัวใจนักสู้”
- ไก่เก่งไม่ได้เกิดจากโชค แต่เกิดจากความเข้าใจลึกในสิ่งที่มันกิน
💬 “ขุนไม่ถูกทาง ไก่เก่งก็กลายเป็นไก่ธรรมดา”
โปรตีน อิฐก้อนหลักของกล้ามเนื้อไก่ชน

ในร่างกายของไก่ชน… “โปรตีน” เปรียบเสมือนอิฐที่ใช้สร้างบ้าน ยิ่งโปรตีนมีคุณภาพดีและสัดส่วนพอดีเท่าไร บ้าน (หรือร่างกายไก่) ก็ยิ่งแข็งแรงมั่นคงมากเท่านั้น
โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ทำหน้าที่หลักในการ สร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายจากการฝึกหรือการชน และช่วยรักษาสภาพร่างกายให้สมดุล
ในไก่ชนที่ต้องใช้พละกำลังอย่างต่อเนื่อง โปรตีนจึงไม่ได้แค่ “สำคัญ” แต่เป็น หัวใจของความแข็งแรงและฟื้นตัวเร็ว
“ไก่ที่กล้ามเนื้อแน่น ไม่ใช่เพราะซ้อมอย่างเดียว…แต่เพราะมีโปรตีนรองรับทุกแรงปะทะ”
โปรตีนที่ไก่ชนต้องการในแต่ละช่วงวัย
ความต้องการโปรตีนของไก่ชนไม่เท่ากันในแต่ละช่วงชีวิต การให้อาหารที่มีโปรตีนเหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่ต้องวางแผนให้แม่นยำ
จากคู่มือการคำนวณสูตรอาหารสัตว์อย่างง่าย สำหรับสัตว์เล็กและสัตว์ปีก (กรมปศุสัตว์, 2563) แนะนำว่าสูตรอาหารไก่ชนควรมีสัดส่วนโปรตีน 18–22% คู่มือสูตรอาหารจากกรมปศุสัตว์
- ลูกไก่ (0–8 สัปดาห์): ต้องการโปรตีนสูงถึง 20–22% เพื่อสร้างโครงร่าง กล้ามเนื้อ และระบบภูมิคุ้มกัน
- ไก่หนุ่ม (9 สัปดาห์ขึ้นไป): ควรได้รับโปรตีนประมาณ 18–20% เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อให้แน่นและลีน
- ไก่ช่วงทำเนื้อ (ก่อนชน 3–4 สัปดาห์): ต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงเร่งกล้าม ควรอยู่ที่ 20–22%
- ไก่ช่วงพักฟื้น: หลังชนหรือซ้อมหนัก ต้องเน้นโปรตีนเพื่อ ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ที่สึกหรอ โดยควรรักษาระดับโปรตีนไว้ที่ 18–20%
อ่านเพิ่มเติม : ไก่ชนควรกินอาหารวันละกี่ครั้ง? เคล็ดลับการให้ที่เหมาะสมแต่ละช่วงวัย
แหล่งโปรตีนยอดนิยมในอาหารไก่ชน
ในโลกของคนเลี้ยงไก่ชน มีแหล่งโปรตีนหลากหลายที่ใช้กัน ทั้งจากพืชและสัตว์ ซึ่งแต่ละชนิดให้กรดอะมิโนต่างกัน
การใช้โปรตีนที่หลากหลาย ช่วยให้ไก่ได้รับสารอาหารครบถ้วนมากขึ้น
- ถั่วเหลืองบด: โปรตีนพืชที่ย่อยง่าย ให้กรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิด
- ปลาแห้ง / ปลาป่น: โปรตีนสัตว์คุณภาพสูง ให้กรดอะมิโนครบชุด
- ไข่ต้ม: ย่อยง่าย ซึมซับไว ใช้บำรุงช่วงฟื้นตัวได้ดี
- ไส้เดือนแห้ง / แมลงอบแห้ง: เป็นโปรตีนธรรมชาติ ย่อยง่าย และดีต่อระบบย่อยอาหาร
- ข้าวโพดบด: แม้ไม่ใช่แหล่งโปรตีนหลัก แต่ยังมีโปรตีนเล็กน้อยผสมอยู่ จึงมักใช้เป็นส่วนประกอบเสริม
เคล็ดลับจากฟาร์มชั้นนำ: ใช้โปรตีนสัตว์ผสมกับโปรตีนพืชในสัดส่วน 60:40 เพื่อให้ไก่ดูดซึมและใช้ประโยชน์ได้สูงสุด
โปรตีนธรรมชาติ vs โปรตีนสังเคราะห์
บางฟาร์มเลือกใช้โปรตีนสังเคราะห์หรือผลิตภัณฑ์เสริมโปรตีนเพื่อเร่งกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในช่วงเร่งชน แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง
- โปรตีนธรรมชาติ:
- ปลอดภัยต่อระบบตับ-ไตของไก่ในระยะยาว
- ดูดซึมได้ดีหากผ่านการเตรียมอาหารอย่างเหมาะสม
- สอดคล้องกับธรรมชาติของระบบย่อยของไก่
- โปรตีนสังเคราะห์/อาหารเสริมโปรตีน:
- เร่งฟอร์มกล้ามได้ไว แต่ต้องควบคุมปริมาณให้เหมาะสม
- บางสูตรอาจเพิ่มภาระให้กับตับและระบบย่อยอาหาร
- ถ้าใช้ผิดช่วงหรือเกินขนาด อาจทำให้ “ไก่ตัน” กล้ามแข็งเกินจนออกอาวุธไม่ลื่น
“กล้ามเนื้อที่เกิดจากธรรมชาติ ยืดหยุ่นเหมือนหนังเสือ…แต่กล้ามเร่งโตจากยา อาจแข็งทื่อเหมือนไม้กระดาน”
📌 สรุปสาระสำคัญ
- โปรตีนคือวัสดุก่อสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมร่างกาย และรักษาความฟิต
- ไก่แต่ละวัยต้องการโปรตีนไม่เท่ากัน อย่าป้อนเหมารวม
- โปรตีนธรรมชาติเช่น ไข่ ไส้เดือน ให้ผลยั่งยืนมากกว่าโปรตีนสังเคราะห์
💬 “ไม่มีโปรตีน ไม่มีพลัง — กล้ามเนื้อไม่ขึ้น ใจก็ไม่แข็ง”
คาร์โบไฮเดรต – แหล่งพลังงานที่ไก่ไม่ควรขาด

ในขณะที่โปรตีนคือ “อิฐ” ที่สร้างกล้ามเนื้อของไก่ คาร์โบไฮเดรตก็คือ “น้ำมันเชื้อเพลิง” ที่จุดเครื่องยนต์ให้พุ่งทะยาน
สำหรับไก่ชนแล้ว คาร์บไม่ใช่แค่สารอาหารทั่วไป แต่คือ “ตัวแปรสำคัญ” ที่กำหนดความว่องไว ความแข็งแรง และการออกอาวุธได้ต่อเนื่อง
“กล้ามดีอย่างเดียวไม่พอ ถ้าไก่หมดแรงก่อนถึงยกสุดท้าย”
คาร์โบไฮเดรตจึงคือพลังงานที่เติมไฟให้ไก่ชนต่อสู้ได้เต็มกำลัง
คาร์โบไฮเดรตคือเชื้อเพลิงของการออกแรง
คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrate) คือแหล่งพลังงานหลักที่ร่างกายของไก่เปลี่ยนเป็นกลูโคส แล้วนำไปใช้ในกระบวนการเผาผลาญเพื่อสร้างพลังงานสำหรับการเคลื่อนไหว
ยิ่งไก่ฝึกหนักหรืออยู่ในช่วงเตรียมชน ยิ่งต้องการคาร์บเพื่อป้อนพลังเข้าสู่กล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง
จากหลักการด้านโภชนาการสัตว์ปีกโดยทั่วไป กล้ามเนื้อของไก่จะใช้กลูโคสจากคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานหลักในช่วง 20–30 นาทีแรกของการเคลื่อนไหว หากได้รับคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอ อาจทำให้ไก่เกิดอาการอ่อนแรง เหนื่อยง่าย และลดประสิทธิภาพในการออกอาวุธอย่างเห็นได้ชัด
แหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ดีสำหรับไก่ชน
การเลือกแหล่งคาร์โบไฮเดรตให้เหมาะสมกับช่วงชีวิตและกิจกรรมของไก่ เป็นหัวใจสำคัญของโภชนาการเชิงลึก
แหล่งคาร์บที่ใช้กันทั่วไปในฟาร์มไก่ชน
- ข้าวเปลือก: ให้พลังงานปานกลาง ย่อยช้า มีเส้นใยสูง ช่วยระบบย่อยอาหาร
- ข้าวโพดบด: ให้พลังงานสูง ย่อยง่าย ดูดซึมไว เหมาะกับไก่ที่ฝึกหนัก
- ข้าวฟ่าง / ข้าวเหนียว: คาร์บย่อยเร็ว ให้พลังงานระเบิด เหมาะกับช่วงก่อนชน
- มันสำปะหลังแห้ง: พลังงานสูงแต่ต้องผ่านการแปรรูปอย่างปลอดภัยก่อนใช้
- รำข้าว : ให้คาร์บพร้อมไฟเบอร์ ช่วยสมดุลระบบลำไส้
เทคนิคฟาร์มใหญ่: ใช้ สูตรผสมคาร์บหลากชนิด เพื่อให้พลังงานปล่อยตัวได้ทั้งเร็วและช้า (slow + fast release)
ให้อย่างไรให้พอดี ไม่อ้วน ไม่เฉื่อย
การให้คาร์โบไฮเดรตกับไก่ชน ต้องคำนึงถึงระดับกิจกรรมในแต่ละช่วงชีวิต เพราะถ้าให้มากเกินไปจะทำให้ไก่อ้วน เชื่องช้า
ในขณะที่หากให้ไม่พอ ไก่จะหมดแรง ไม่อยากขยับ และสูญเสียศักยภาพในการฝึกซ้อม
คำแนะนำตามช่วงวัย
- ลูกไก่ – ไก่หนุ่ม: ควรเน้นคาร์บย่อยง่ายเพื่อเร่งเติบโต เช่น ข้าวโพดบด + ข้าวเปลือก
- ไก่เลี้ยงพื้น – ช่วงฝึกเบา: ใช้ข้าวเปลือก + ข้าวฟ่าง ย่อยช้า คงพลังระยะยาว
- ไก่ทำเนื้อก่อนชน: เพิ่มคาร์บย่อยเร็ว เช่น ข้าวเหนียว/ข้าวโพด เพื่อระเบิดพลัง
- ไก่พักฟื้น: ลดคาร์บลง เน้นโปรตีนฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
เปรียบเทียบให้เห็นภาพ:
“ถ้าเติมน้ำมันเต็มถังแต่ไม่ได้ออกเดินทาง น้ำมันก็จะกลายเป็นน้ำหนักที่แบกเปล่า”
ปริมาณคาร์โบไฮเดรตในสูตรเลี้ยงรายวัน
ตามแนวทางจากคู่มือ “การคำนวณสูตรอาหารสัตว์อย่างง่าย สำหรับสัตว์เล็กและสัตว์ปีก” (กรมปศุสัตว์, พ.ศ. 2563) ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า สัตว์ปีกแต่ละช่วงวัยต้องการ คาร์โบไฮเดรตในระดับ 45–60% เพื่อเป็นแหล่งพลังงานหลัก
โดยสามารถปรับใช้กับการเลี้ยงไก่ชนได้ตามช่วงเป้าหมายของการเลี้ยง ดังตารางด้านล่าง:
| ช่วงการเลี้ยง | คาร์โบไฮเดรต (%) | หมายเหตุ |
|---|---|---|
| ลูกไก่ (0–8 สัปดาห์) | 45–50% | เร่งการเจริญเติบโตและพัฒนาระบบภูมิคุ้มกัน |
| ไก่หนุ่ม – ฝึกเบา | 50–55% | คงระดับพลังงาน ย่อยช้า ไม่ทำให้อ้วน |
| ไก่ทำเนื้อ (ก่อนชน) | 55–60% | เสริมพลังงานระเบิดกล้ามก่อนฝึกหนัก |
| ไก่พักฟื้นหลังชน | 40–45% | ลดพลังงานลง เน้นโปรตีนเพื่อซ่อมแซม |
อ้างอิง: กรมปศุสัตว์. (2563). การคำนวณสูตรอาหารสัตว์อย่างง่าย สำหรับสัตว์เล็กและสัตว์ปีก.
📌 สรุปสาระสำคัญ
- คาร์บคือเชื้อเพลิงของการออกอาวุธ ทั้งตี ทั้งหลอก ทั้งหลบ
- เลือกแหล่งคาร์บให้เหมาะ เช่น ข้าวโพด ข้าวเปลือก ข้าวฟ่าง
- คาร์บมากไปทำให้ไก่อืด คาร์บน้อยไปทำให้หมดแรงไว
💬 “แรงไก่ ไม่ได้อยู่ที่ปีก แต่อยู่ที่ข้าวที่ป้อนเข้าไป”
ไขมัน – ไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นตัวช่วยดูดซึมพลัง

เมื่อพูดถึงคำว่า “ไขมัน” หลายคนอาจนึกถึงความอ้วน ความเฉื่อย และไก่ที่ขยับตัวช้า
แต่ในความเป็นจริง…ไขมันไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอไป หากใช้ให้ถูกเวลาและปริมาณพอดี ไขมันจะกลายเป็น “ตัวช่วยซ่อนเร้น” ที่ส่งเสริมพลังให้ไก่ชนได้เหนือกว่าที่คุณคิด
“ไขมันไม่ใช่ศัตรู…แต่เป็นอาวุธลับที่ต้องใช้ให้ถูกมือ”
หน้าที่ของไขมันในร่างไก่ชน
ไขมันไม่เพียงแค่ให้พลังงาน แต่ยังเป็นผู้เล่นเบื้องหลังที่ส่งผลต่อระบบชีวภาพหลายด้าน
ประโยชน์หลักของไขมัน
- พลังงานสำรอง: ให้พลังงานมากกว่าโปรตีนและคาร์บถึง 2 เท่า (1 กรัม = 9 kcal)
- ช่วยดูดซึมวิตามินละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามิน A, D, E, K
- ปกป้องอวัยวะภายใน: ช่วยซับแรงกระแทกในร่างกาย
- ช่วยให้ผิวหนัง-ขนของไก่ดูมันเงา แข็งแรง
จากข้อมูลทางโภชนาการสัตว์ปีกพบว่า การขาดไขมันในอาหารสามารถส่งผลให้การดูดซึมวิตามินชนิดละลายในไขมัน เช่น วิตามิน E ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของไก่โดยตรง ทำให้ไก่อ่อนแอ ต้านโรคได้น้อยลง และฟื้นตัวช้าหลังจากซ้อมหนักหรือป่วย
แหล่งไขมันที่เหมาะสมสำหรับไก่ชน
การเลือกแหล่งไขมันต้องคำนึงถึงคุณภาพ การดูดซึม และปริมาณกรดไขมันดี ไขมันบางชนิดอาจดีในคน แต่ไม่เหมาะกับระบบย่อยของไก่
แหล่งไขมันธรรมชาติที่นิยมใช้
- รำข้าวมัน: มีกรดไขมันดี ช่วยเพิ่มพลังงานโดยไม่อืดท้อง
- งาดำบด: ให้ไขมันดี + แร่ธาตุสูง เสริมระบบไหลเวียนเลือด
- น้ำมันปลาบางชนิด: มีโอเมก้า 3 ช่วยลดอาการอักเสบและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
- น้ำมันมะพร้าว: ช่วยให้ขนมันเงา และเป็นพลังงานเร็ว (แต่ควรใช้น้อย)
หมายเหตุ: หลีกเลี่ยงน้ำมันสัตว์ทอดซ้ำ หรือน้ำมันหมู เพราะย่อยยากและมีไขมันทรานส์
ไขมันในช่วงเตรียมชน – มากไปหรือพัง?
ช่วงเตรียมชนคือช่วงที่ต้องการให้ไก่อยู่ใน “ฟอร์มดีที่สุด” การจัดไขมันในอาหารจึงต้องมีความละเอียด
สัดส่วนที่แนะนำ
- ไขมันในอาหารช่วงเตรียมชนไม่ควรเกิน 5–6% ของปริมาณอาหารรวม
- ไขมันมากเกินทำให้ “ไก่ตัน” เคลื่อนไหวช้า ดูอืด ไม่คล่อง
- ไขมันน้อยเกินทำให้ดูดซึมวิตามินไม่ได้ ไก่ดูขนหยาบ แรงตก
แนวทางการใช้งานจริง
- ผสมรำข้าวมัน + งาดำ ในอาหารเลี้ยงพื้น วันเว้นวัน
- ให้ไข่ต้มวันเว้นวัน (ให้ไขมันธรรมชาติ + โปรตีน)
- หยุดให้ไขมัน 3–4 วันก่อนชน เพื่อเบาฟอร์ม
“ฟอร์มไก่ก่อนชน เหมือนจูนเครื่องรถแข่ง…ไขมันเกินนิดเดียวก็วิ่งไม่ออก”
📌 สรุปสาระสำคัญ
- ไขมันคือพลังงานสำรอง และช่วยดูดซึมวิตามินสำคัญ A D E K
- ไขมันดีเช่น น้ำมันงา รำข้าวมัน ช่วยบำรุงขนและความฟิต
- อย่ามองไขมันว่าเลวร้าย แต่จงให้ในปริมาณที่เหมาะสม
💬 “ไขมันไม่ใช่ศัตรู ถ้ารู้จักใช้ให้เป็น”
สัดส่วนทองคำ – ถอดสูตรสมดุลระหว่างโปรตีน-คาร์บ-ไขมัน

อาหารที่ดีไม่ใช่แค่ “อัดให้เยอะ” แต่ต้องรู้ สัดส่วน ที่เหมาะสม เพราะแม้จะมีของดีครบ แต่ถ้าสัดส่วนผิด ไก่ชนก็อาจโตไม่สมดุล หรือแม้แต่ฟอร์มตกในช่วงสำคัญได้
“อาหารไก่ชนก็เหมือนการปรุงน้ำพริก…มากไปอย่างหนึ่งก็เสียรสทั้งจาน”
ความสมดุลระหว่าง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จึงคือ “สัดส่วนทองคำ” ที่คนเลี้ยงไก่ไม่ควรมองข้าม
สัดส่วนพื้นฐานในแต่ละช่วงวัยของไก่ชน
ไก่ชนแต่ละช่วงชีวิตมีความต้องการสารอาหารไม่เท่ากัน การให้อาหารตามอารมณ์หรือสูตรเดียวทั้งฟาร์มอาจส่งผลเสียระยะยาว
สัดส่วนนี้เป็นแนวทางจากหลักโภชนาการสัตว์ปีกที่ปรากฏในเอกสารของกรมปศุสัตว์ และการปรับใช้จริงจากฟาร์มเลี้ยงไก่ชนชั้นนำหลายแห่ง โดยเน้นให้เหมาะสมกับเป้าหมายการเลี้ยงและช่วงชีวิตของไก่
| ช่วงชีวิตของไก่ | โปรตีน (%) | คาร์โบไฮเดรต (%) | ไขมัน (%) |
|---|---|---|---|
| ลูกไก่ (0–8 สัปดาห์) | 20–22 | 45–50 | 3–4 |
| ไก่หนุ่ม (9–20 สัปดาห์) | 18–20 | 50–55 | 3–5 |
| ไก่เลี้ยงพื้น/พักฟื้น | 16–18 | 50–55 | 4–5 |
| ไก่ทำเนื้อ (ก่อนชน) | 20–22 | 55–60 | 5–6 |
| พ่อแม่พันธุ์ | 16–18 | 45–50 | 5–7 |
เทคนิคปรับสูตรตามวัตถุประสงค์ของการเลี้ยง
การเลี้ยงไก่ชนแต่ละแบบย่อมมีเป้าหมายต่างกัน — บางคนเลี้ยงเพื่อชน บางคนเลี้ยงเพื่อทำเนื้อ หรือเพื่อขยายพันธุ์
การปรับสูตรจึงต้องยืดหยุ่นตาม “เป้าหมายปลายทาง”
ไก่เลี้ยงเนื้อ / พักฟื้น
- โปรตีนระดับกลาง (16–18%)
- คาร์บสูงพอควร เพื่อรักษาน้ำหนัก
- ไขมันเสริมเล็กน้อยให้ขนเงา สุขภาพดี
ไก่เตรียมชน
- เน้นโปรตีน 20–22% เสริมกล้าม
- คาร์บย่อยง่าย 55–60% สำหรับพลังระเบิด
- ไขมันไม่เกิน 5% ปรับตามระดับกิจกรรม
ไก่พ่อแม่พันธุ์
- โปรตีนกลางคงที่ (16–18%)
- คาร์บลดลงเล็กน้อย ไม่ให้พ่อพันธุ์อ้วน
- ไขมันเสริมเพื่อช่วยระบบฮอร์โมนและวิตามิน
ตัวอย่างสูตรอาหารจากฟาร์มชาวบ้าน vs งานวิจัย
สูตรอาหารจากชาวบ้าน (แบบดั้งเดิม)
- ข้าวเปลือก 50%
- ข้าวโพดบด 20%
- ปลาป่นหรือปลาแห้ง 15%
- รำละเอียด 10%
- ไข่ต้ม/ไส้เดือน/หนอนนก 5%
ข้อดี:
- ใช้วัตถุดิบหาง่าย ประหยัด
- ร่างกายไก่ปรับตัวเข้ากับสูตรได้ดี
ข้อจำกัด:
- ค่าสารอาหารไม่แน่นอนทุกล็อต
- สัดส่วนโปรตีนบางครั้งต่ำกว่ามาตรฐาน
สูตรจากงานวิจัย/ฟาร์มทันสมัย (คำนวณแม่นยำ)
- โปรตีนพืช: ถั่วเหลือง 20% + ปลาป่น 10%
- คาร์บ: ข้าวโพดบด 30% + ข้าวเปลือก 25%
- ไขมัน: รำข้าวมัน 5% + งาดำบด 2%
- เสริมวิตามิน/แร่ธาตุ 3–5%
ข้อดี:
- ควบคุมคุณค่าทางอาหารได้แม่นยำ
- เหมาะสำหรับไก่ชนที่ต้องเร่งฟอร์มอย่างจริงจัง
ข้อจำกัด:
- ต้นทุนสูงกว่า
- ต้องมีความรู้และควบคุมการชั่งตวงผสมอย่างสม่ำเสมอ
เคล็ดลับผสมสัดส่วนทองคำแบบชาวบ้าน-วิทยาศาสตร์
- ผสมวัตถุดิบจากธรรมชาติ + อาหารเสริมบางชนิด (เช่น ปลาป่น + ไข่ต้ม)
- ใช้การสังเกต “ฟอร์มไก่” เป็นตัวนำ ไม่ยึดสูตรตายตัวเกินไป
- ปรับตามฤดูกาล เช่น ช่วงอากาศร้อน อาจลดไขมัน เพิ่มน้ำผสมสมุนไพรบำรุงไต
“สูตรดีไม่เท่ารู้จักปรับ สูตรเก่งไม่เท่ารู้จักสังเกตไก่”
📌 สรุปสาระสำคัญ
- สัดส่วนสารอาหารแต่ละช่วงวัยมีเหตุผลรองรับทางวิทยาศาสตร์
- ไก่ชน ไก่เพาะพันธุ์ และไก่ทำเนื้อต้องการสูตรไม่เหมือนกัน
- การวางสูตรคือศาสตร์ที่ต้องใช้ทั้งวิชาการและประสบการณ์
💬 “อาหารคือสมการ — สมดุลเท่ากับชัยชนะ”
สมดุลศาสตร์ – เมื่อวิทยาศาสตร์ผสานภูมิปัญญาชาวบ้าน

“วิทยาศาสตร์” ไม่ได้อยู่ตรงข้ามกับ “ภูมิปัญญา” แต่หากเรามองให้ลึก จะพบว่าทั้งสองคือพี่น้องร่วมราก
ในโลกของไก่ชน ภูมิปัญญาชาวบ้านมีค่ามหาศาล เพราะเกิดจากการลองผิดลองถูกนับร้อยปี ขณะที่วิทยาศาสตร์คือเครื่องมือที่ช่วยอธิบายและปรับแต่งให้สิ่งเหล่านั้นแม่นยำยิ่งขึ้น
“สูตรโบราณคือมรดก…แต่วิทยาศาสตร์คือแว่นขยาย ที่ทำให้เราเข้าใจว่ามันทำงานยังไง”
ตัวอย่างภูมิปัญญาที่คนเลี้ยงไก่ใช้กันมานาน
สูตรพื้นบ้านที่ยังพบในทุกฟาร์ม
- ต้มไข่ผสมข้าวเปลือกให้ไก่กิน: เพื่อเสริมโปรตีนและพลังงาน
- ขุนไก่ด้วยขมิ้น + น้ำมันมะพร้าว: บำรุงผิว ขับพยาธิ ฟื้นฟูขนและกล้าม
- โรยกระเทียมบดบนอาหาร: ป้องกันหวัดและบำรุงระบบย่อย
- ให้ฟักทองหรือกล้วยน้ำว้าอาทิตย์ละครั้ง: เสริมไฟเบอร์และวิตามิน
- ใช้น้ำต้มสมุนไพร (เช่น บอระเพ็ด + ขิง): ช่วยไล่พยาธิและลดความร้อนในร่างกาย
ทุกสูตรที่กล่าวมา ล้วนเกิดจากการ “สังเกต” ไก่จริง ไม่ใช่แค่ทฤษฎีบนกระดาษ
วิทยาศาสตร์ว่าอย่างไร? เมื่อถอดรหัสภูมิปัญญา
วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายกลไกที่อยู่เบื้องหลังภูมิปัญญาเหล่านี้ได้อย่างน่าสนใจ
ตัวอย่างการเชื่อมโยง
- ไข่ต้ม: มีโปรตีนสมบูรณ์ ดูดซึมง่าย ให้พลังงานฟื้นฟูช่วงฟอร์มตก → สอดคล้องกับ “High Biological Value Protein” ตามหลักโภชนาการสัตว์ปีก
- ขมิ้น + น้ำมัน: ขมิ้นมีสารเคอร์คูมิน (Curcumin) ที่มีฤทธิ์ต้านอักเสบ ต้านเชื้อ และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ไก่แข็งแรงขึ้น เมื่อใช้ร่วมกับน้ำมันจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารสำคัญนี้ได้ดีขึ้น ซึ่งตรงกับผลจากงานวิจัยในต่างประเทศที่พบว่า เคอร์คูมินช่วยให้ไก่โตไว สุขภาพดี และทนต่อความเครียดได้มากขึ้น รายละเอียดงานวิจัย
- กระเทียม: มีสารอัลลิซิน (Allicin) ต้านไวรัส-แบคทีเรีย →จากการศึกษาหลายชิ้นในด้านสัตวแพทย์พบว่า การเสริมกระเทียมบดในอาหาร มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยลดอาการหวัดในไก่ และส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อใช้เป็นส่วนผสมในอาหารหรือโรยเป็นประจำ ช่วยลดอัตราการติดหวัดในไก่ได้ 37%
- ฟักทอง-กล้วย: มีไฟเบอร์สูง ช่วยระบบขับถ่าย และให้วิตามิน A, B, C → ดีต่อระบบต้านอนุมูลอิสระและระบบประสาทของไก่ ประโยชน์ของกล้วย
- สมุนไพรต้ม: ช่วยลดความร้อนสะสม และกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติ
มีอะไรที่ควรปรับหรือพัฒนา?
แม้ภูมิปัญญาจะมีพื้นฐานดี แต่ถ้าไม่ถูกปรับให้เหมาะกับยุคปัจจุบัน ก็อาจได้ผลไม่เต็มที่ วิทยาศาสตร์จึงเข้ามาช่วย “จูนสูตร” ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
สิ่งที่ควรพิจารณา
- ขนาดการให้: หลายสูตรไม่ได้ระบุปริมาณแน่นอน ทำให้การให้มากเกินหรือขาดไป
- ความต่อเนื่อง: บางสูตรใช้ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ไก่ไม่ตอบสนองต่อสารอาหาร
- ความหลากหลายของสารอาหาร: สูตรพื้นบ้านบางอย่างอาจขาดแร่ธาตุบางชนิด (เช่น สังกะสี หรือไบโอติน) ที่ต้องเสริมเพิ่มเติม
เทคนิคคือ: ใช้ภูมิปัญญาเป็น “แกน” แล้วใช้วิทยาศาสตร์มาเป็น “คันโยก” เพื่อเสริมความแม่นยำ
“อย่าทิ้งสูตรโบราณ แต่ก็อย่าหยุดแค่ที่บรรพบุรุษเคยทำ”
เพราะไก่ชนในยุคนี้ ต้องเผชิญทั้งสนามที่เข้มข้น และโรคที่ซับซ้อนกว่าในอดีต
เราได้รวบรวมความรู้จากทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไว้แล้วใน คลังความรู้ที่จัดเป็นหมวดหมู่เรียบร้อยแล้ว
📌 สรุปสาระสำคัญ
- สูตรพื้นบ้านอย่าง “ต้มไข่ผสมขมิ้น” มีรากฐานจากการสังเกตจริง
- วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ช่วยอธิบายหลักการเบื้องหลังสูตรชาวบ้าน
- ภูมิปัญญาไม่ใช่เรื่องงมงาย ถ้ารู้จักเปิดใจและประยุกต์ให้ถูก
💬 “ของโบราณ ถ้ารู้วิธีมอง คือวิทยาศาสตร์ที่ไม่มีในตำรา”
บทสรุป – อาหารที่ดีไม่ใช่ของแพง แต่คือความเข้าใจ

ในโลกของไก่ชน…คุณค่าของอาหารไม่วัดกันที่ราคา แต่วัดกันที่ความเข้าใจ
อาหารเม็ดละไม่กี่บาท หากเลือกผิดสัดส่วน อาจทำให้ไก่โตช้า ออกอาวุธไม่เต็มมือ หรือแย่ที่สุด – ฟอร์มหลุดก่อนถึงสนามจริง
แต่หากเราเข้าใจ “หน้าที่” ของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันอย่างถ่องแท้ รู้ว่าแต่ละช่วงชีวิตไก่ต้องการอะไร รู้ว่าอะไรควรเสริม อะไรควรเบรก
แม้ใช้วัตถุดิบจากข้าวเปลือกกับไข่ต้มธรรมดา…ก็สามารถสร้าง “นักสู้ที่ไม่ธรรมดา” ได้
“โภชนาการที่ดีไม่ใช่การให้อิ่ม…แต่คือการปั้นโครงสร้าง ความไว และพลังที่ระเบิดออกในวันแข่งขัน”
และในบทความนี้ เราได้เดินผ่านทุกองค์ประกอบอย่างเป็นระบบ:
- เรารู้ว่า โปรตีน คืออิฐที่สร้างกล้ามเนื้อ
- เราเห็นว่า คาร์โบไฮเดรต คือพลังงานที่ขับเคลื่อนทุกก้าว
- เราเข้าใจว่า ไขมัน คือตัวช่วยที่ดูดซึมพลังและเสริมภูมิต้านทาน
- และเราได้เรียนรู้ว่า สัดส่วน คือหัวใจของสมดุล
- ที่สำคัญ…เราเห็นว่าภูมิปัญญาชาวบ้านนั้นไม่เคยตาย หากรู้จัก “ถอดรหัส” และเสริมด้วยวิทยาศาสตร์
“ไก่เก่งเริ่มต้นที่เล้า…แต่ไก่ชนแชมป์ เริ่มต้นที่สูตรอาหาร”
ขอให้ทุกคนที่อ่านบทความนี้ ได้เข้าใจว่าอาหารไม่ใช่เรื่องรอง แต่คือรากฐานของชัยชนะ
ไม่ว่าคุณจะมีฟาร์มเล็กหรือใหญ่ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า ความเข้าใจลึกซึ้งในสารอาหาร และความใส่ใจในทุกเม็ดอาหารที่คุณตักให้ไก่กิน
เพราะ “ไก่ไม่ได้โตจากปาก…แต่มันโตจากความตั้งใจของคนขุน”
ความรู้เรื่องโภชนาการเป็นเพียงหนึ่งในบันไดสำคัญของการเลี้ยงไก่ชน หากคุณต้องการเข้าใจภาพรวมทุกด้านของการเลี้ยง แนะนำให้กลับไปอ่านบทความหลักของเราในหัวข้อ 👉 คัมภีร์เลี้ยงไก่ชนฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่จนถึงมืออาชีพ
📌 สรุปสาระสำคัญ
- สูตรแพงไม่ใช่คำตอบเสมอไป ความรู้เรื่องโภชนาการคือหัวใจ
- อย่าตัดสินอาหารจากราคา ให้ดูที่สารอาหารและความเหมาะสม
- ไก่แชมป์ ไม่ได้โตจากกระสอบแพง แต่มาจากเจ้าของที่เข้าใจมันจริง
💬 “ไก่เก่งเริ่มต้นที่เล้า…แต่ไก่ชนแชมป์เริ่มต้นที่สูตรอาหาร”
ถ้าคุณมุ่งมั่นจะเลี้ยงไก่ชนให้ถึงระดับแถวหน้า อย่าพลาดฐานข้อมูลหลักที่เราเตรียมไว้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ไขทุกข้อสงสัยเรื่องโภชนาการไก่ชน
สำหรับ “ลูกไก่” และ “ไก่หนุ่ม” ต้องยกให้ โปรตีน เป็นพระเอกเลยครับ เพราะเป็นช่วงสร้างโครงสร้างและกล้ามเนื้อ ต้องการโปรตีนสูงถึง 20-22% แต่เมื่อไก่โตขึ้น จะต้องให้ความสำคัญกับความสมดุลของทั้ง 3 อย่าง เปรียบง่ายๆ คือ “โปรตีนสร้างเครื่องยนต์ (กล้ามเนื้อ), คาร์โบไฮเดรตเติมน้ำมัน (พลังงาน), และไขมันช่วยหล่อลื่นระบบ (ดูดซึมวิตามิน)” ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ครับ
ไม่แนะนำอย่างยิ่งครับ! แม้ข้าวเปลือกจะเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ดี แต่ก็เหมือนคนกินข้าวเปล่าๆ โดยไม่มีกับข้าว ไก่จะขาด โปรตีน สำหรับสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ ทำให้ตัวเล็ก กล้ามเนื้อไม่แน่น แรงปะทะน้อย และฟื้นตัวช้า การเลี้ยงไก่ชนให้เก่งต้องลงทุนเรื่องอาหารที่สมดุลครับ “ของถูกไม่มีดี ของดีไม่ถูกเสมอไป แต่ของที่ ‘ใช่’ คือความเข้าใจของเราเอง”
ช่วงนี้คือ “โค้งสุดท้าย” ต้องจูนเครื่องให้คมที่สุดครับ หลักการคือ เพิ่มโปรตีน ขึ้นไปที่ระดับ 20-22% เพื่อรักษาความฟิตของกล้ามเนื้อ และ เพิ่มคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวโพดบด หรือปลายข้าวเหนียว เพื่อสะสมพลังงานไว้ใช้วันจริง แต่ต้อง ควบคุมไขมัน ให้น้อยที่สุด (ไม่ควรเกิน 5-6%) เพื่อไม่ให้ไก่อืดหรือเคลื่อนไหวช้าครับ
สำหรับการเลี้ยงส่วนใหญ่ โปรตีนจากธรรมชาติ เช่น ปลาป่น ไข่ต้ม หรือแม้แต่แมลง/ไส้เดือน ถือว่าเพียงพอและปลอดภัยต่อระบบตับไตของไก่ในระยะยาวมากกว่า โปรตีนสังเคราะห์อาจช่วยเร่งกล้ามได้ไว แต่ถ้าใช้ผิดจังหวะหรือมากเกินไป อาจทำให้ “ไก่ตัน” คือกล้ามเนื้อแข็งกระด้างจนออกอาวุธไม่ลื่นไหลครับ “กล้ามที่สร้างจากธรรมชาติ ยืดหยุ่นเหมือนหนังเสือ แต่กล้ามที่เร่งมา อาจแข็งทื่อเหมือนไม้กระดาน”
ช่วยได้จริง และมีวิทยาศาสตร์รองรับครับ! ขมิ้น มีสาร “เคอร์คูมิน” ช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อหลังซ้อม ทำให้ฟื้นตัวไว ส่วน กระเทียม มีสาร “อัลลิซิน” ที่เปรียบเหมือนยาปฏิชีวนะธรรมชาติ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดได้ นี่คือตัวอย่างของ “ภูมิปัญญาที่วิทยาศาสตร์ยอมรับ” ไม่ใช่เรื่องงมงายครับ
เป็นปัญหาใหญ่เลยครับ! ไขมันที่มากเกินไปจะทำให้ “ไก่อ้วนและอืด” แม้จะดูตัวใหญ่ แต่จะอุ้ยอ้าย เชื่องช้า ขาดความคล่องแคล่ว และที่สำคัญคือจะ หมดแรงเร็ว ในสนามชน เพราะร่างกายหนักเกินไป ไขมันดีในปริมาณน้อยๆ (ไม่เกิน 5-7%) จะช่วยบำรุงขนและเป็นพลังงานสำรอง แต่ถ้ามากไปเมื่อไหร่ จาก “อาวุธลับ” จะกลายเป็น “ตัวถ่วง” ทันทีครับ
