สารบัญในบทความนี้
📅 อัปเดตล่าสุดเมื่อ: 29 ตุลาคม 2025

เคยเจอปัญหานี้ไหมครับ? เลี้ยงไก่ชนมาพร้อมกัน ไก่รุ่นเดียวกันแท้ๆ แต่อีกตัวโตวันโตคืน ส่วนไก่เรา “เลี้ยงไม่รู้จักโต” ตัวแคระแกร็น กินอาหารก็เยอะ แต่ทำไมทรงมันไม่มาเสียที ปัญหานี้บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องของดวง แต่เป็น “เส้นผมบังภูเขา” ที่มือใหม่หลายคนมักมองข้าม ทำเอาท้อใจกันไปหลายราย
สาเหตุหลักที่ทำให้ไก่ชนโตช้า ส่วนใหญ่มักเกิดจากปัจจัยพื้นฐาน 3 อย่างประกอบกัน คือ โภชนาการที่ไม่สมดุล โดยเฉพาะโปรตีนไม่ถึงเกณฑ์, พันธุกรรมที่ซ่อนเร้น (ไก่พื้นเมืองมีอัตราการเติบโตช้าตามธรรมชาติ) และ การจัดการเลี้ยงดูที่เครียด เช่น เล้าไก่แออัด หรือมีพยาธิรบกวน ซึ่งทั้งหมดนี้ขัดขวางศักยภาพการเจริญเติบโตของไก่โดยตรง
📦 สรุปสั้นแบบรู้ลึก: ไก่ชนโตช้า เกิดจากสาเหตุอะไร
- อาหารคือพิมพ์เขียว: ไก่ต้องการโปรตีนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก อาหารที่โปรตีนต่ำในช่วงไก่เล็ก คือสาเหตุหลักที่ทำให้ไก่แคระแกร็น
- สายเลือดไม่โกหก: งานวิจัยยืนยันว่าไก่พื้นเมืองไทย (เช่น ประดู่หางดำ) มีลักษณะโตช้า (Slow-Growing) เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
- การจัดการคือตัวเร่ง: สภาพแวดล้อมที่แออัด สกปรก หรือมีพยาธิ จะทำให้ไก่เครียดและดึงพลังงานไปใช้ในการเอาตัวรอดแทนที่จะใช้ในการเติบโต
“อย่าโทษโชคชะตา…ถ้ารากฐานไม่แข็งแรง ไก่จะไม่มีวันโตเต็มศักยภาพ”
1. ปัญหาคอขวดที่โภชนาการ ไก่โตช้าเพราะอาหารไม่ถึง

นี่คือสาเหตุอันดับหนึ่งที่มือใหม่พลาดกันเยอะที่สุดครับ คิดว่าไก่กินอะไรก็ได้ หรือให้กินแค่รำกับปลายข้าว ไก่ก็โตได้
ต้องเข้าใจก่อนว่า ไก่ชนคือ “นักกีฬา” ครับ ร่างกายต้องการการสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกที่แข็งแรง โดยเฉพาะในวัยลูกไก่จนถึงไก่รุ่น (0-6 เดือน) พวกเขาต้องการโปรตีนสูงมาก (ประมาณ 18-21%) เพื่อใช้เป็น “วัตถุดิบ” ในการสร้างร่างกาย
ลองนึกภาพตามง่ายๆ ครับ ถ้าเราอยากสร้างบ้านหลังใหญ่ แต่เรามีแต่อิฐกับปูนไม่กี่ก้อน บ้านมันก็สร้างต่อไม่ได้ฉันใด ไก่ก็ฉันนั้นครับ ถ้าได้โปรตีนไม่พอ ร่างกายก็ “ไม่มีของ” ไปสร้างให้โตครับ
แนวทางแก้เบื้องต้น: พลิกดูถุงอาหารสำเร็จรูปที่ใช้ครับ ว่ามีเปอร์เซ็นต์โปรตีนเท่าไหร่? เหมาะสมกับไก่ในวัยนั้นๆ หรือไม่ หรือถ้าผสมอาหารเอง ต้องมั่นใจว่าสูตรของเรามีแหล่งโปรตีนเพียงพอ เช่น ปลาป่น หรือถั่วเหลือง
หากคุณอยากเจาะลึกเรื่องสูตรอาหารและการจัดการโภชนาการไก่ชนในแต่ละช่วงวัย สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ใน คัมภีร์เลี้ยงไก่ชนฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่ ของเราครับ
2. พันธุกรรมซ่อนรูป ไก่ตัวเล็กแค่ไหนก็ไม่โตเกินพิมพ์เขียว
อีกหนึ่ง “กับดัก” ที่มือใหม่มักมองข้ามคือเรื่องพันธุกรรม หรือ “เหล่ากอ” ของไก่ครับ เรื่องนี้มีงาน วิจัยทางวิทยาศาสตร์ รองรับชัดเจนครับ (เช่น งานวิจัยในวารสาร Vet. Sci. ปี 2022) ที่ศึกษาไก่พื้นเมืองของไทย (อย่างไก่ประดู่หางดำ) และพบว่า ไก่พื้นเมืองของเรามีลักษณะเด่นคือ “โตช้า” (Slow-Growing Traits) เป็นธรรมชาติของสายพันธุ์
นี่คือ “พิมพ์เขียว” ที่ธรรมชาติให้มาครับ มันไม่ใช่ข้อเสีย แต่มันคือลักษณะทางพันธุกรรมของไก่สายพันธุ์นี้
ดังนั้น หากเรานำไก่สายเลือดที่โตช้าโดยธรรมชาติมาเลี้ยง แต่กลับไปคาดหวังให้มันโตเร็วเท่าไก่เนื้อ หรือไปเปรียบเทียบกับไก่สายพันธุ์อื่นที่พัฒนามาเพื่อการเติบโตโดยเฉพาะ มันก็เหมือนเราปลูกพริกขี้หนู แต่หวังจะได้ผลใหญ่เท่ามะเขือ มันเป็นไปไม่ได้ครับ
แนวทางแก้เบื้องต้น: ทำความเข้าใจ “ต้นทุน” หรือ “สายเลือด” ไก่ที่เราเลี้ยงก่อน พยายามคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ที่มีโครงสร้างดี (แม้จะโตช้า แต่โครงสร้างต้องสมส่วน) หรือเลือกซื้อจากซุ้มที่น่าเชื่อถือครับ
การเลือกสายพันธุ์เป็นหัวใจสำคัญในการเริ่มต้น อ่านเทคนิคการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ได้ที่บทความ คู่มือเพาะพันธุ์ไก่ชน ปั้นไก่ชนแบบมืออาชีพ ครับ
3. การจัดการที่บกพร่อง สิ่งเล็ก ๆ ที่บอนไซการเติบโตของไก่

ปัจจัยสุดท้ายคือการจัดการครับ นี่คือตัว “บอนไซ” ไก่ชั้นดีเลย แม้ว่าอาหารจะดี พันธุกรรมจะเด่น (หรือเรารู้แล้วว่ามันโตช้า) แต่ถ้าการจัดการแย่ ไก่ก็ยิ่งไม่โตครับ
ในงานวิจัยที่อ้างถึงข้างต้น เขาเปรียบเทียบชัดเจนครับว่า ไก่สายพันธุ์เดียวกันที่เลี้ยงใน “สถานีวิจัย” (On-Station) ซึ่งมีการจัดการที่ดีเยี่ยม ควบคุมอาหาร ควบคุมสภาพแวดล้อมและโรคภัย ย่อมมีอัตราการเติบโต (Average Daily Gain) ที่ดีกว่าไก่ที่เลี้ยงแบบ “ฟาร์มชาวบ้าน” (On-Site Farm) ที่อาจมีการจัดการที่หละหลวมกว่า
นั่นพิสูจน์ว่า “การจัดการ” คือกุญแจสำคัญที่จะดึงศักยภาพสูงสุดของพันธุกรรมไก่ตัวนั้นออกมาครับ
ความแออัดและความเครียด
การเลี้ยงไก่ในพื้นที่จำกัดเกินไป ไก่หนาแน่นยัดเยียดกัน จะทำให้ไก่เครียด แย่งอาหารกัน และเกิดการจิกตี ไก่ที่แพ้ก็จะไม่ได้กิน หรือกินได้น้อย แถมร่างกายไก่เมื่อเครียดจะหลั่งฮอร์โมน “คอร์ติซอล” (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ “ยับยั้ง” การเจริญเติบโตโดยตรงครับ
พยาธิและโรคภัย
เล้าไก่ที่สกปรก ชื้นแฉะ คือแหล่งเพาะเชื้อโรคและพยาธิชั้นดี โดยเฉพาะ “พยาธิ” คือตัวการร้ายที่คอยแย่งสารอาหารในลำไส้ไก่ ทำให้ไก่กินเท่าไหร่ก็ไม่โต ตัวซีด ผอม ซึม พลังงานที่ควรจะเอาไปสร้างเนื้อสร้างกระดูก ก็ต้องเอามาสู้กับโรคภัยไข้เจ็บแทน
แนวทางแก้เบื้องต้น: จัดการเล้าให้โปร่ง สะอาด และแห้งอยู่เสมอ อย่าเลี้ยงไก่หนาแน่นเกินไป และที่สำคัญคือการ “ถ่ายพยาธิ” และทำวัคซีนตามโปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ
อ่านเพิ่มเติม : พยาธิในไก่ชน รู้ทันภัยเงียบที่ขโมยพลังงานจากนักสู้ของคุณทุกวัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) ไขทุกข้อสงสัยเรื่องไก่ชนโตช้า
ช่วยได้ครับ แต่ต้องเข้าใจว่ามันคือ “ตัวเสริม” ไม่ใช่ “ตัวหลัก” ถ้ารากเหง้าของปัญหา (อาหาร, พันธุกรรม, การจัดการ) ยังไม่ถูกแก้ ต่อให้อัดยาบำรุงไปก็เหมือน “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” ครับ
ลองสันนิษฐาน 2 อย่างครับ 1. อาหารที่กินมีแต่ “กาก” แต่ไม่มี “เนื้อ” (เช่น โปรตีนต่ำ) หรือ 2. ไก่มีพยาธิในตัวเยอะมาก ทำให้พยาธิแย่งสารอาหารไปหมดครับ
มีผลอย่างมากครับ อากาศร้อนจัดทำให้ไก่ “เครียดจากความร้อน” (Heat Stress) ไก่จะกินอาหารน้อยลง และใช้พลังงานไปกับการระบายความร้อนแทนการเติบโตครับ
บทสรุป
โดยสรุปแล้ว อาการ “ไก่โตช้า” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มันคือสัญญาณเตือนว่ามีบางอย่างผิดปกติใน 3 ปัจจัยหลัก ทั้งเรื่อง โภชนาการ ที่อาจไม่ถึง, พันธุกรรม (ซึ่งไก่ไทยมักโตช้าเป็นทุนเดิม) หรือ การจัดการ ที่บกพร่องจนดึงศักยภาพไก่ออกมาไม่ได้
อย่าเพิ่งท้อใจครับ ลองกลับไปสำรวจตรวจสอบที่ซุ้มของเราทีละจุดตามที่บทความนี้แนะนำ ค่อยๆ แก้ไปทีละเปลาะ รับรองว่าไก่รุ่นต่อไปของคุณจะเติบโตได้เต็มศักยภาพอย่างแน่นอนครับ และหากมีข้อสงสัยใดๆ แวะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ที่ Kaichonhub ศูนย์รวมความรู้ไก่ชนครบวงจร ครับ
